กฎหมายเวลาทำงานและค่าล่วงเวลาในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงล่าสุดปี 2569 กำหนดอัตราจ่าย OT วันหยุดขั้นต่ำ 3 เท่า พร้อมเพดานการทำ OT ไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ข้อมูลนี้คือหัวใจในการคุมความเสี่ยงด้านทรัพยากรบุคคลของทุกองค์กร
คุณทราบหรือไม่ นายจ้างที่ผิดกฎหมายเรื่องเวลาทำงานอาจถูกปรับสูงสุด 200,000 บาทต่อกรณี ขณะที่ลูกจ้างมีสิทธิ์เรียกร้องค่าล่วงเวลาพร้อมดอกเบี้ยย้อนหลัง
ความเข้าใจในกฎหมายเวลาทำงานและค่าล่วงเวลาในประเทศไทยจึงไม่ใช่เรื่องที่ควรมองข้าม ธุรกิจที่จัดการอย่างโปร่งใสช่วยลดข้อพิพาท เพิ่มความน่าเชื่อถือ และปกป้องผลประโยชน์ของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง
แนวทางล่าสุด การบันทึกเวลาอย่างถูกต้อง และกลุ่มงานที่ได้รับการยกเว้นอยู่ด้านล่างนี้
Key Takeaways
- เวลาทำงานต้องไม่เกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือรวม 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ สำหรับงานทั่วไป ส่วนงานอันตรายจำกัดที่ 7 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ตามกฎหมายแรงงานไทย
- สิทธิพักผ่อนของลูกจ้างชัดเจน: ลูกจ้างต้องได้พักอย่างน้อย 1 ชั่วโมงหลังทำงาน 5 ชั่วโมง และมี วันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 1 วัน
- อัตราค่าล่วงเวลา (OT) ต้องเป็นไปตามกฎหมาย: OT ในวันปกติจ่ายอย่างน้อย 1.5 เท่าของค่าจ้าง, OT ในวันหยุดจ่ายอย่างน้อย 3 เท่า พร้อมขอความยินยอมลูกจ้างในทุกกรณี
- ขีดจำกัด OT สูงสุด 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์: หากทำ OT เกิน 2 ชั่วโมงต่อเนื่อง ต้องมีเวลาพัก อย่างน้อย 20 นาทีก่อนเริ่ม OT เพิ่มเติม
- งานและตำแหน่งพิเศษอาจได้รับข้อยกเว้น: กลุ่มงานเกษตร, กะพิเศษ, หรือเฝ้าดูแลสถานที่มี อัตราค่าล่วงเวลาแตกต่าง เช่น 1.25 เท่าในวันปกติ, 2.5 เท่าในวันหยุด
- บันทึกเวลาแม่นยำป้องกันข้อพิพาทแรงงาน: ใช้ ระบบสแกนหรือ Time Tracking ตรวจสอบและรับรองชั่วโมงทำงานและ OT ทุกครั้ง
- ฝ่าฝืนกฎหมายสุ่มเสี่ยงโทษปรับสูงสุด 200,000 บาท หรือจำคุก นายจ้างและลูกจ้างควรจัดเก็บ เอกสาร OT และเวลาทำงานเป็นหลักฐาน
- ลูกจ้างมีสิทธิเรียกร้องค่าล่วงเวลาเต็มจำนวน: บันทึกเวลาอย่างเป็นระบบและ ยื่นเรื่องกับสำนักงานแรงงานได้ทันทีหากไม่ได้รับค่าล่วงเวลาถูกต้อง
Table of Contents
-
เวลาทำงานและวันหยุดในไทย
-
ค่าล่วงเวลา: วิธีคำนวณและจ่ายถูกต้อง
-
ข้อยกเว้นตามตำแหน่งและสายงาน
-
ปฏิบัติตามกฎหมายและบทลงโทษ
-
สิทธิและการเรียกร้องค่าล่วงเวลา
-
FAQ: คำถามพบบ่อยเรื่องเวลาทำงานและ OT
-
บทสรุป
เวลาทำงานและวันหยุดในไทย
เวลาทำงานปกติและข้อยกเว้นงานอันตราย
กฎหมายเวลาทำงานและค่าล่วงเวลาในประเทศไทยกำหนดว่า เวลาทำงานปกติห้ามเกิน 8 ชั่วโมงต่อวัน หรือรวมไม่เกิน 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
สำหรับงานที่มีความเสี่ยงสูง เช่น งานเครื่องจักรหรือสารเคมี จำกัดไม่เกิน 7 ชั่วโมงต่อวัน หรือ 42 ชั่วโมงต่อสัปดาห์
ประเภทงานตามเกณฑ์นี้ ได้แก่
- งานในโรงงานอุตสาหกรรม
- งานผลิตสารพิษ
- งานเครื่องจักรกลหนัก
นายจ้างมีหน้าที่กำหนดและติดตามตารางเวลาทำงานให้สอดคล้องพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541
การจัดเวลาอย่างเหมาะสมช่วยลดข้อพิพาทและป้องกันบทลงโทษที่มีมูลค่าปรับสูงสุดถึง 200,000 บาท
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
เวลาพัก วันหยุด และสิทธิพนักงาน
ลูกจ้างทุกคนต้องได้รับเวลาพักอย่างน้อย 1 ชั่วโมง หลังทำงานต่อเนื่องไม่เกิน 5 ชั่วโมง
สิทธิพักที่ควรรู้ประกอบด้วย
- เวลาพักรวมไม่น้อยกว่าวันละ 1 ชั่วโมง
- วันหยุดประจำสัปดาห์อย่างน้อย 1 วันต่อสัปดาห์
- วันหยุดราชการ/วันหยุดประจำปีที่นายจ้างต้องจัดให้
การวางแผนใช้สิทธิพักผ่อนที่เหมาะสมช่วยให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างเกิดความโปร่งใสและลดปัญหาในอนาคต
ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมที่ สำนักงานประกันสังคม
ช่วงเวลางานและเวลาพักเหล่านี้คือสิทธิพื้นฐานที่สร้างความสมดุลในการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทุกองค์กร
ค่าล่วงเวลา: วิธีคำนวณและจ่ายถูกต้อง
ประเภท OT และอัตราตามกฎหมาย
การจ่ายค่าล่วงเวลาในประเทศไทยต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและตรงตามที่กฎหมายกำหนดเพื่อป้องกันข้อพิพาทและสร้างความเชื่อมั่นกับทั้งลูกจ้างและนายจ้าง
ค่าล่วงเวลาจะอยู่ในอัตราดังนี้:
- OT วันทำงานปกติ: อย่างน้อย 1.5 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง
- OT วันหยุด: อย่างน้อย 3 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมง
- ทำงานวันหยุดในเวลาปกติ (ลูกจ้างมีสิทธิ์ค่าจ้าง): ได้รับค่าจ้าง 2 เท่า (ค่าจ้างปกติ + ค่าทำงานวันหยุด)
- ทำงานวันหยุดในเวลาปกติ (ไม่มีสิทธิ์ค่าจ้าง): ได้รับ 2 เท่าของค่าจ้าง
นายจ้างต้องขอความยินยอมการทำ OT ยกเว้นกรณีงานฉุกเฉินหรือจำเป็น
ขีดจำกัด OT และข้อควรระวัง
ประเทศไทยกำหนดชัดเจนว่าการทำ OT ต้องไม่เกิน 36 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อรักษาสุขภาพและความสมดุลของชีวิตลูกจ้าง
หากงานล่วงเวลาเกิน 2 ชั่วโมงต่อเนื่อง ลูกจ้างต้องได้รับเวลาพักอย่างน้อย 20 นาทีก่อนเริ่ม OT เพิ่มเติม
- นายจ้างที่ไม่ปฏิบัติตามอาจเผชิญโทษปรับสูงสุด 200,000 บาท หรือจำคุกตามกฎหมาย
- เทคนิค: บันทึก OT อย่างละเอียด ตรวจสอบการขอความยินยอมทุกครั้ง และตรวจสอบยอด OT ไม่เกินเงื่อนไขกฎหมาย
การจัดการค่าล่วงเวลาอย่างถูกต้องเริ่มได้ที่ข้อมูลที่ครบถ้วนและการบันทึกอย่างเป็นระบบ เพื่อความโปร่งใสและความปลอดภัยของทุกฝ่ายในองค์กร
ข้อยกเว้นตามตำแหน่งและสายงาน
กลุ่มงาน/ตำแหน่งที่ยกเว้น (ปี 2569)
กฎหมายเวลาทำงานและค่าล่วงเวลาในประเทศไทยกำหนดให้บางตำแหน่งและสายงานได้รับการยกเว้นจากข้อกำหนดเวลาทำงานหรือมีอัตราค่าล่วงเวลาที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างที่ถูกยกเว้น ได้แก่:
- งานภาคเกษตร
- งานกะพิเศษ
- งานเฝ้าดูแลสถานที่
- ตำแหน่งในสายงานที่กำหนดโดยกระทรวงแรงงาน
สำหรับกลุ่มงานเหล่านี้ กฎกระทรวงฉบับใหม่ปี 2569 กำหนดอัตราค่าล่วงเวลาเช่น:
- 1.25 เท่าสำหรับงานเฝ้าดูแลสถานที่ในวันปกติ
- 2.5 เท่าสำหรับงานเดียวกันในวันหยุด
การตรวจสอบสิทธิ ทำได้ด้วยการ:
- ขอเอกสารประกาศบริษัท
- อ้างอิงข้อมูลจาก ราชกิจจานุเบกษา
- สอบถามเจ้าหน้าที่แรงงานโดยตรง
“รู้สิทธิของคุณ ลดความเสี่ยงข้อพิพาท” เป็นแนวคิดสำคัญสำหรับทุกตำแหน่งงาน
ตัวอย่างและข้อควรระวังข้อยกเว้น
ตัวอย่างเช่น กรณีพนักงานเฝ้าดูแลอาคารที่เจอข้อพิพาทกับนายจ้างเรื่องการได้รับค่าล่วงเวลาในอัตราต่ำเกินกว่าที่กฎหมายใหม่กำหนด โดยมักพบข้อโต้แย้งว่าเป็นงานยกเว้นหรือไม่
เพื่อป้องกันปัญหา:
- นายจ้างควรแจ้งสิทธิให้ชัดเจนตั้งแต่รับเข้าทำงาน
- ลูกจ้างควรบันทึกเวลาทำงานและตรวจสอบประกาศภายในเสมอ
- ทั้งสองฝ่ายสามารถขอคำปรึกษา หรือไกล่เกลี่ยกับเจ้าหน้าที่แรงงานได้
จุดนี้ช่วยสร้างความเข้าใจตรงกัน ป้องกันข้อโต้แย้งในอนาคต
“สิทธิ์ที่ชัดเจนและข้อมูลที่โปร่งใส ลดความเสี่ยงต่อข้อพิพาทแรงงาน” คือหัวใจของการบริหารแรงงานอย่างยั่งยืนในทุกองค์กร
ปฏิบัติตามกฎหมายและบทลงโทษ
ตรวจสอบและบันทึกเวลาทำงาน-OT
การบันทึกเวลาทำงานอย่างแม่นยำเป็นหัวใจสำคัญของการป้องกันข้อพิพาทแรงงาน
นายจ้างควรใช้เทคโนโลยี Time Tracking หรือระบบสแกนนิ้วมือ เพื่อบันทึกเวลาทำงานและเวลาล่วงเวลาทุกครั้ง
ควรดำเนินการดังนี้:
- จัดเก็บเอกสารการลงเวลาของลูกจ้างอย่างครบถ้วน
- ตรวจสอบและลงชื่อรับรองการทำ OT ในแต่ละวัน
- ทบทวนข้อมูลกับพนักงานประจำเดือน
บทลงโทษและการดำเนินการเมื่อฝ่าฝืน
การฝ่าฝืนกฎหมายเวลาทำงานและ OT มีบทลงโทษดังนี้:
- ปรับ 5,000-200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ
- กระทรวงแรงงานรับเรื่องร้องเรียนและมีอำนาจตรวจสอบ
ตัวอย่างเช่น ปี 2566 มีเคสร้องเรียนเรื่อง OT เพิ่มขึ้นกว่า 12% จากปีก่อน สะท้อนถึงความสำคัญของการปฏิบัติให้ถูกต้อง
ลูกจ้างที่ถูกละเมิดสามารถ:
- ยื่นเรื่องร้องเรียนที่สำนักงานแรงงานจังหวัด
- ใช้เอกสารบันทึกเวลาทำงานเป็นหลักฐาน
การดำเนินการตามกฎหมายปกป้องทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ลดปัญหาและเพิ่มความไว้ใจในองค์กร
สิทธิและการเรียกร้องค่าล่วงเวลา
สิทธิค่าล่วงเวลาและวิธีดำเนินการ
ลูกจ้างมีสิทธิได้รับค่าล่วงเวลา (OT) ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่าของค่าจ้างต่อชั่วโมงในวันปกติ และ 3 เท่าในวันหยุด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 และกฎกระทรวงล่าสุดปี 2569
หากนายจ้างไม่จ่าย OT ถูกต้อง ลูกจ้างสามารถดำเนินการดังนี้
- แจ้งต่อฝ่ายทรัพยากรบุคคลหรือผู้บริหารโดยตรง
- เก็บหลักฐานการทำงาน เช่น ใบบันทึกเวลาหรือสลิปเงินเดือน
- ยื่นคำร้องเรื่องค่าล่วงเวลา ที่ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนคุ้มครองแรงงาน
วิธีรับมือข้อโต้แย้งและปกป้องสิทธิ
ข้อโต้แย้งที่พบบ่อย มีตัวอย่างเช่น นายจ้างอ้างว่างานไม่ได้รับสิทธิ OT หรือปฏิเสธการบันทึกเวลาแท้จริง
ลูกจ้างควร
- ขอชี้แจงสิทธิของตนตามประกาศกระทรวง
- ขอคำปรึกษาจากกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
- ตรวจสอบเอกสารทางราชการหรือกฎกระทรวงฉบับใหม่ปี 2569 เป็นแหล่งอ้างอิง
สิทธิของลูกจ้างมีความชัดเจนตามกฎหมายปัจจุบัน หากดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเป็นระบบ จะสามารถเรียกร้องและได้รับค่าล่วงเวลาอย่างมั่นใจ
FAQ: คำถามพบบ่อยเรื่องเวลาทำงานและ OT
การเข้าใจสิทธิค่าล่วงเวลาและเวลาทำงานเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารงานบุคคลในประเทศไทย
- ลูกจ้างไม่สามารถตกลงกับนายจ้างเพื่อลดหย่อนหรือยกเว้นค่าล่วงเวลาที่กฎหมายกำหนด เว้นแต่มีข้อยกเว้นตามที่กฎหมายบัญญัติ (เช่น ตำแหน่งที่ได้รับการยกเว้นเฉพาะ)
- บริษัทต้องบันทึกเวลาทำงานและเวลากลับจริงอย่างเป็นระบบ พร้อมจ่ายค่าล่วงเวลาตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 เช่น OT วันปกติไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า OT วันหยุดไม่น้อยกว่า 3 เท่า และต้องมีเอกสารยืนยันชัดเจน
- พนักงานทดลองงาน, พนักงานรายวัน, พนักงานประจำ ล้วนมีสิทธิค่าล่วงเวลาโดยไม่มีข้อยกเว้น
- เวลาพักไม่นับเป็นเวลาทำงาน เว้นแต่งานเป็นกะหรือมีข้อกำหนดเฉพาะตามกฎกระทรวง ฉบับใหม่ที่บังคับใช้ปี 2569
ข้อมูลอ้างอิงและตัวอย่างจริง
หลายบริษัทเลือกใช้ระบบบันทึกเวลาแบบดิจิทัลเพื่อโปร่งใสและป้องกันข้อพิพาท พบว่าการร้องเรียนเกี่ยวกับ OT มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในแต่ละปี
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ผู้อ่านสามารถศึกษาข้อมูลเชิงลึกทางกฎหมายได้ที่
กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
ความเข้าใจสิทธิการทำงานและค่าล่วงเวลาเป็นพื้นฐานสำคัญที่ช่วยให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างดำเนินกิจการอย่างถูกต้องและป้องกันปัญหาในอนาคต
บทสรุป
รับมือข้อกำหนดเวลาทำงานและค่าล่วงเวลาด้วยมาตรฐานที่ถูกต้อง คือกุญแจสำคัญที่เสริมสร้างความน่าเชื่อถือและลดความเสี่ยงในองค์กรของคุณ
คุณสามารถเริ่มได้ทันทีโดย
- ตรวจสอบและปรับปรุงระบบบันทึกเวลาทำงานให้สอดคล้องกับกฎหมาย
- สื่อสารสิทธิและหน้าที่ให้ชัดเจนกับทุกฝ่าย
- ปฏิบัติตามอัตราการจ่ายค่าล่วงเวลาและข้อยกเว้นอย่างเข้มงวด
- ทบทวนและอัปเดตนโยบายบริษัทอย่างสม่ำเสมอ
- ขอปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อพบข้อสงสัยด้านแรงงานหากคุณต้องการแนวทางเชิงกลยุทธ์ หรือการปรับใช้ระบบบริหารเวลางานและค่าล่วงเวลาให้ถูกต้อง Themis Partner พร้อมให้คำปรึกษาที่เชื่อถือได้ เพื่อให้องค์กรของคุณมั่นใจ ตรงตามกฎหมาย และสอดคล้องกับทุกความเปลี่ยนแปลง